• สมาชิกวุฒิสภา
• ทำเนียบประธานวุฒิสภา
• ทำเนียบรองประธานคนที่หนึ่ง
• ทำเนียบรองประธานคนที่สอง

สนช. เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน การคลังและการค้า
เมื่อเวลา 13:28 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน 2561

วันจันทร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐ เวลา ๑๔.๓๐ นาฬิกา ณ ห้อง Celebrity Hall ศูนย์การประชุม Bangabandhu (BICC) กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน การคลังและการค้า (Standing Committee on Sustainable Development, Finance and Trade) ในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ ๑๓๖ เป็นวันที่สอง โดยมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประกอบด้วย นายกิตติ วะสีนนท์ นางเสาวณี สุวรรณชีพ และผู้ช่วยศาสตราจารย์เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ เข้าร่วมประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาแก้ไขร่างข้อมติเรื่อง “การยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน : การมีส่วนร่วมของสตรีในการหาแหล่งเงินทุนที่จะขับเคลื่อนการพัฒนา” (Promoting enhanced international cooperation on the SDGs, in particular on the financial inclusion of women as a driver of development) โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติของไทยได้ขอเสนอแก้ไขร่างในส่วน Operative paragraphs จำนวน ๓ ข้อ ดังนี้
๑. การให้รัฐสภาส่งเสริมการพัฒนานโยบายสาธารณะและยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการขจัดอุปสรรคทางกฎหมายและทางวัฒนธรรมที่มิให้สตรีเข้ามามีส่วนร่วมในระบบทางการเงินของประเทศ ซึ่งไทยขอให้เพิ่มมุมมองในส่วนของ “ภูมิภาค” (regional public policies and strategies) นอกเหนือจากการพัฒนาในเรื่องดังกล่าวทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติด้วย
๒. ในการนำเสนอให้มีแผนการศึกษาที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากความรู้และความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการเงินและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปฏิบัตินั้น ไทยเสนอให้เพิ่มคำว่า “การให้ความรู้ทางการเงิน” (financial literacy) เนื่องจากมีความหมายถึงความสามารถในการใช้ความรู้และทักษะในการจัดการทรัพยากรทางการเงินต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิผล
๓. ในการส่งเสริมให้รัฐสภาสร้างความเป็นหุ้นส่วนกับรัฐบาลและภาคประชาสังคมเพื่อบรรลุการมีส่วนร่วมของสตรีในการหาแหล่งเงินทุนและระบบดิจิทัลนั้น ไทยขอให้รัฐสภาสร้างความเป็นหุ้นส่วนกับ “ภาคเอกชน” (private sector) ด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้ให้การรับรองข้อเสนอแก้ไขร่างข้อมติของไทยทั้ง ๓ ข้อ จึงถือเป็นความสำเร็จของประเทศไทยที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมในระดับนานาชาติและระดับโลก ที่ช่วยผลักดันให้สตรีเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสร้างศักยภาพของตนอย่างมีประสิทธิภาพ